วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มองแต่แง่ดีของงาน

   บังเอิญเหลือเกินที่การปัดกวาดสารพันหนังสือสารพัดกระดาษที่บ้าน ทำให้ได้พบหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเพื่อนร่วมงานผู้เป็นเสมือนหัวหน้า พี่สาวผู้ใจดี และต้นแบบการทำงาน ได้มอบให้เพื่อเป็นของขวัญการเปลี่ยนสายงาน เปิดอ่านหน้าที่พับไว้ รู้สึกดีใจและชื่นชมตนเองว่าเราเคยอ่านหน้านี้เหรอนี่ ดีใจจังที่ได้อ่าน จึงอยากจะขอถ่ายทอดให้กับผู้อื่นได้อ่านบ้าง เพื่อให้เกิดความสุขใจในการทำงาน โดยคัดลอกมาจากหนังสือชีวิตก้าวหน้าการงานก้าวหน้า ของคุณเบญญาวัธน์ ค่ะ
                       'มองแต่แง่ดีของงาน...สร้า่งความสำราญให้ชีวิต
     1. มองงานที่ทำอยู่ในแง่ดีเสมอ  ไม่ว่างานจะหนักจะเบาอย่างไร พยายามมองหาส่วนดีของงานนั้นๆ มาชดเชยกับส่วนไม่ดี
     2. ยอมรับความสามารถของตนเอง  ไม่คิดน้อยเนื้อต่ำใจในความสามารถของตน
     3. ไม่คิดเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ใจกว้างช่วยเหลือตามกำลังของตนเท่าที่จะทำได้ ด้วยความจริงใจ
     4. พอใจในผลตอบแทนที่ได้รับ  โดยไม่เปรียบเทียบกับผู้อื่น
     5. รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่  โดยไม่เกี่ยงงอน
     6. ตั้งใจทำงานในวันเวลาปัจจุบันอย่างเต็มที่
     7. ยอมรับสภาพ  และปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ของหน่วยงานเสมอ

                          ความสุขในการทำงานจะเกิดขึ้นได้โดยง่าย
                                 เมื่อพยายามสร้างสุขภาพจิตที่ดี
                                 มองแ่ต่สิ่งที่ดีของงานและตนเอง

     หนังสือเล่มนี้ให้แง่คิดดีดีกับชีวิตมากมาย นับเป็นอีกแง่มุมหนึ่งในการสร้างความสุขในใจให้กับคนทำงานอย่างเรา ที่บางครั้งก็อดเปรียบเทียบกับคนอื่นไม่ได้ อย่างเช่น เอ๊ะ งานเราทำเต็มที่แต่ทำไมไม่มีรายชื่อความชอบ เพื่อนนานนานมาทีแต่มีชื่อทุกครั้ง ถ้าเป็นดังนั้นเราก็คิดให้ได้อย่างข้อที่ 4 และข้อ 7       คนเราก็คิดซะว่าบุญเก่าเขาทำมาดีเมื่อชาติที่แล้ว เราไม่ได้ทำไว้อย่างเขา เท่านี้ก็จะสบายใจขึ้นได้บ้าง ก่อนจากลากันวันนี้ขอให้ความสุขจงบังเกิดแก่ชีวิตการงานของทุกท่านนะคะ

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ความสุขในการทำงาน

   งาน..คือส่วนหนึ่งของชีวิต น้อยคนนักที่ดำรงชีวิตได้โดยไม่ต้องทำงาน บางคนกล่าวว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ซึ่งจากเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่ทำงานมาก็พบว่า อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด คนบางคน ทำงานมีผลงานปานกลาง (ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฎ) แต่ชีวิตมีความสุข เพราะลูกดี ภรรยาดี ญาติดี สารพัดจะดี ในขณะที่บางคนผลงานดีเด่น เด่นดัง เด่นโดด โดดเ่ด่น สารพัดจะเด่น แต่ชีวิตไม่มีความสุข ทำไมล่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้เรามาเรียนรู้วิธีการสร้างความสุขให้กับชีวิตการทำงานกันดีกว่า
   ขั้นแรก เราควรมองภาพงานออกตลอดแนว รู้ว่าตำแหน่งของเรามีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง ต้องเกี่ยวข้องกับใครบ้าง  คาดว่าจะมีปัญหาอะไรบ้าง ฯลฯ เพื่อจะได้ว่างแผนงานได้ถูกต้อง อย่าลืมทำปฏิทินว่าจะทำอะไรก่อนหลังด้วยล่ะ
   ขั้นสอง เราควรทำความรู้จักกับเจ้านาย ไม่ใช่รู้แค่ว่านายชื่ออะไร มาจากไหน บ้านอยู่ไหน นะจ๊ะแต่หมายถึงให้รู้สไตล์การทำงานของเจ้านาย เช่นบางคนชอบให้รายงาน บางคนชอบลุยก่อนเอกสารทีหลัง บางคนต้องเนี๊ยบพิมพ์ตกไม่ได้ บางคนชอบทำงานเสาร์อาทิตย์ บางคน มาอย่างไทยไปอย่างฝรั่ง (มาช้าแต่กลับตรงเวลา) ฯลฯ  เำำพื่อให้เราคาดคะเนได้ว่าเราควรทำอย่างไรกับงานของเรา อย่างน้อยๆ จะได้เสนองานได้ถูกที่ ถูกเวลา
   ขั้นที่สาม เราควร รู้จักเพื่อนร่วมงาน จะได้ขอความร่วมมือได้ถูกต้อง รู้ว่าใครเป็นอย่างไร เรื่องนี้ขอความร่วมมือใครจึงจะสำเร็จ เป็นต้น
   ขั้นสุดท้าย สำึคัญที่สุด เราควรรู้จักทำใจ เผื่อวางแผนดีแล้วนายยังด่า เพื่อนยังไม่พอใจ อะไรอะไร ก็ไม่เป็นดั่งใจ ขอบอกคาถาที่ทำให้เราทำงานได้สำเร็จ นั่นคือ ความอดทน ทำคนให้เป็นคนดี อดทนถึงที่ได้ดีทุกคน และคาถาที่ทำให้เรามีความสุขในการทำงานก็คือ คนไม่ผิดคือคนที่ไม่ได้ทำ (ใช้กรณีทำอะไรก็ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกใจใคร) แข่งเรือแข่งพายแข่งได้แข่งวาสนาแข่งไม่ได้ เขาคงทำบุญมาแต่ชาติก่อน เราไม่ได้ทำบุญมา เอาเป็นว่ารีบทำบุญไว้เผื่อชาติหน้าแล้วกัน (ใช้กรณีเพื่อนได้ขั้นพิเศษทั้งๆ ที่ไม่ทำอะไร เราทำแทบตายแต่ไม่ได้อะไรเลย) และ สุดท้ายคือ มันนอกเหนืออำนาจของเรา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสรวงสวรรค์ หรือพูดอีกทีก็คือแล้วแต่บุญแต่กรรม เพราะเราแก้ไขอะไรไม่ได้ หรือที่โหดร้ายที่สุดคือประเทศไทยไม่ใช่ของเราคนเดียว (กรณีพยายามแก้ปัญหาแล้วแต่ไม่มีใครสนใจ หรือแบกรับจนไม่ไหวแล้ว แต่ขอย้ำกรณีเราพยายามที่สุดแล้วแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เท่านั้นเพื่อให้ท่านรู้สึกดีขึ้น แต่อย่าละเลยมีปัญหานิดหน่อยก็คิดตามข้อนี้นะจ๊ะ)
  ขอให้มีความสุขในการทำงานนะคะ